แชร์

ปลุกกระแสเครื่องสำอางรักษ์โลก สวยแบบเป็นมิตร

อัพเดทล่าสุด: 25 มิ.ย. 2024

622 ผู้เข้าชม

ปลุกกระแสเครื่องสำอางรักษ์โลก สวยแบบเป็นมิตร

เครื่องสำอางรักษ์โลกหรือ "เครื่องสำอางสีเขียว" เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีส่วนผสมหรือกระบวนการผลิต หรือมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ไม่มีผลด้านทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะกับสิ่งแวดล้อม แหล่งวัตถุดิบมาจากธรรมชาติ หรือวัสดุรีไซเคิล ซึ่งกระแสเครื่องสำอางรักษ์โลกนี้มีมาร่วม 10 ปีได้แล้ว และกระแสไม่เคยตก เนื่องจากมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องทุกปี ทีเอ็นพีจึงรวบรวม 8 เทรนด์รักษ์โลกที่ช่วยให้เราดูสวยแบบเป็นมิตรส่งท้ายปี 2023 มาให้อ่านกันจะได้ไม่ตกเทรนด์!

วีแกนเทรนด์สายเขียวจากอเมริกา เป็นเทรนด์ที่มีมานานแล้วแต่ก็ยังมีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันมีคนผันตัวไปเป็นชาววีแกนถึง 75 ล้านคนทั่วโลก Vegan อธิบายง่าย ๆ คือ การใช้ชีวิตที่ปราศจากการบริโภคเกี่ยวกับสัตว์ทุกอย่าง ทั้งเนื้อสัตว์ทุกชนิด ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น นม เนย ไข่ น้ำผึ้ง หนังสัตว์ต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เคร่งครัดในการใช้ชีวิตค่อนข้างมาก เครื่องสำอางวีแกนจึงเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์นั่นเอง ด้วยตัวเทรนด์ที่มีการเติบโตขึ้นทุกปี ทำให้มีผู้บริโภคหันมาใช้เครื่องสำอางวีแกนเพิ่มมากขึ้น ในร้านขายปลีกบางแห่งมีการจัดโซนสำหรับเครื่องสำอางวีแกนเพื่อให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้เลือกซื้อโดยเฉพาะ ส่วนสกินแคร์วีแกนที่ได้รับความนิยมมากคือ สกินแคร์ที่เคลมเกี่ยวกับการลดรูขุมขน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 46% จากปี 2017 - 2022 นอกจากนี้ เครื่องสำอางวีแกนนอกจากจะมีฐานผู้บริโภคเป็นกลุ่มวีแกน เจ และมังสวิรัติแล้ว ยังรวมไปถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน โดยส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติยังเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญลำดับแรกและยังคงมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

Did you know รู้หรือไม่?

ส่วนผสมเครื่องสำอางที่ได้จากสัตว์ ได้แก่ ไขแว็กซ์จากรังผึ้ง น้ำผึ้ง เจลาติน เลซิติน คอลลาเจน อีลาสติน ลาโนลิน เมือกหอยทาก ดีเอ็นเอ นม เป็นต้น

ออร์แกนิกเทรนด์รักสุขภาพ เป็นเทรนด์เครื่องสำอางออร์แกนิกที่มาจากธรรมชาติ ปราศจากการใช้สารเคมีและสารสังเคราะห์ในทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่การเตรียมดินเพราะปลูกแหล่งวัตถุดิบต้องละเว้นจากสารเคมี พืชต้องเป็นพืชธรรมชาติไม่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม ปุ๋ยจากธรรมชาติไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การสกัดสารจากพืชต้องมีการควบคุมให้มีการเจือปนน้อยที่สุด จนถึงกระบวนการผลิตเครื่องสำอางต้องไม่มีการใช้สารเคมีและสารสังเคราะห์ และในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต้องมีส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิกมากกว่า 95% สังเกตได้จากเครื่องหมายรับรองออร์แกนิก สำหรับสถาบันที่สามารถออกใบรับรองส่วนผสมและส่วนประกอบที่เป็นธรรมชาติและออร์แกนิก ได้แก่ Ecocert องค์กรจากสหภาพยุโรป และ USDS องค์กรจากอเมริกา ดังนั้น ออร์แกนิกที่มาจากธรรมชาติย่อมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างมาก

เนเชอรัลเทรนด์เครื่องสำอางธรรมชาติ เป็นเทรนด์ที่ไม่เคยแผ่วเลยสักปี มาแรงอันดับต้น ๆ เสมอ ผู้บริโภคต่างมองหาเครื่องสำอางที่แปะป้ายฉลากว่าธรรมชาติแบบสุด ๆ ในเครื่องสำอางส่วนผสมธรรมชาตินั้นสามารถมาจากพืช แร่ธาตุ สัตว์ จุลินทรีย์ รวมถึงสารสังเคราะห์ที่มีสารตั้งต้นมาจากธรรมชาติ นอกจากนี้ พืชธรรมชาติที่ถูกฉีดยาฆ่าแมลง ใส่ปุ๋ยเคมี หรือทำ GMO ก็ยังถือว่าเป็นธรรมชาติอยู่ และเครื่องสำอางจะเคลม Natural ได้ ก็ต่อเมื่อมีส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ หรือมีแหล่งกำเนิดมาจากธรรมชาติมากกว่า 95% ขึ้นไป จะเห็นความแตกต่างได้ว่าเครื่องสำอางธรรมชาติไม่ค่อยมีความเคร่งครัดเท่าเครื่องสำอางออร์แกนิก ดังนั้น เครื่องสำอางธรรมชาติจึงพบเห็นได้มากกว่าเครื่องสำอางออร์แกนิกนั่นเอง

รีฟเซฟเทรนด์เครื่องสำอางรักษ์ปะการัง แน่นอนเลยว่าเทรนด์นี้ต้องยกให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประเภทป้องกันแสงแดดที่มาแรงที่สุด กันแดดที่ไม่มีสารเคมีปนเปื้อนอันตรายที่ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศน์ในทะเลเกิดการเสื่อมสภาพและสูญพันธุ์ ในไทย เทรนด์รักษ์ปะการังเริ่มมีความสำคัญมากขึ้น เมื่อมีราชกิจจาฯ ออกประกาศห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีสารอันตรายในอุทยานแห่งชาติ โดยสารกันแดดที่ห้ามใช้ คือ Oxybenzone, Octinoxate, 4Methylbenzylid Camphor และ ButyIparaben เนื่องจากสารเคมีเหล่านี้มีส่วนทำให้ปะการังเสื่อมโทรมลงโดยสารเคมีจะทำลายตัวอ่อนปะการัง ขัดขวางระบบสืบพันธุ์ และทำให้ปะการังฟอกขาว ซึ่งสารเคมีทั้ง 4 ชนิดดังกล่าวนั้น นักวิจัยพบว่าสามารถฆ่าและทำให้ปะการังฟอกขาวได้ทั้งสิ้น นานาประเทศทั่วโลกจึงเริ่มแบนการใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมเหล่านี้ หากไปเที่ยวทะเลต้องเลือกกันแดดที่ไม่มีสารอันตรายก่อนลงทะเลเพื่อปะการังที่สวยงาม

หยุดความโหดร้ายกับสัตว์ด้วยเทรนด์ไม่ทดลองผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางกับสัตว์ อย่าให้ความงามต้องแลกด้วยความเจ็บปวดของสัตว์ เทรนด์นี้มีมาเนิ่นนานพอ ๆ กับเทรนด์วีแกน เป็นเทรนด์ที่ออกมาต่อต้านการใช้สัตว์ทดสอบความปลอดภัยของเครื่องสำอางก่อนที่จะใช้กับมนุษย์ การทดลองกับสัตว์ เช่น ทดสอบการระคายเคืองกับผิวกระต่าย ลูกตากระต่าย หนู เป็นต้น มีผู้คนทั่วโลกให้ความตระหนักมากมายกับเทรนด์นี้ จนในที่สุดก็มีการยกเลิกการทดลองเครื่องสำอางกับสัตว์ไปในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย โดยให้หันมาทำการทดสอบโดยใช้เนื้อเยื่อเทียมและการทดลองในอาสาสมัครแทน ซึ่งมีความแม่นยำมากกว่าการทดลองในสัตว์ หากอยากใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ ให้มองหาสัญลักษณ์ cruelty-free หรือ not tested on animals

อีโค่-เฟรนด์ลี่ด้วยเครื่องสำอางที่ยั่งยืน ความยั่งยืนในเครื่องสำอางเป็นกระแสในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่เคยหายไปจากเทรนด์เครื่องสำอาง ด้วยสภาวะโลกที่ร้อนมากขึ้นและทรัพยากรที่มีอยู่ในโลกอย่างจำกัด ทำให้เครื่องสำอางเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะยืนหยัดเพื่อความยั่งยืน หลาย ๆ แบรนด์ที่เป็นผู้นำทางด้านเครื่องสำอางได้หันมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อโลก โดยกระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์ต้องไม่ใช้ความร้อนหรือพลังงานสูงและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ บรรจุภัณฑ์สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ก่อมลพิษในสิ่งแวดล้อม เป็นบรรจุภัณฑ์สีเขียว นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการสร้างงานให้กับผู้คนในพื้นที่ สร้างพื้นที่สีเขียวให้กับการทำงาน และไม่เบียดเบียนธรรมชาติ

Did you know รู้หรือไม่?
คุณสมบัติที่ดีของบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางที่ยั่งยืนคือ ต้องไม่มีส่วนผสมของพลาสติก (plastic-free) สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (renewable) รีไซเคิลได้ (recyclable) และย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติอย่างปลอดภัย (biodegradable)

สวยปลอดภัยด้วยเทรนด์คลีนบิวตี้ เทรนด์นี้มีมาตั้งแต่ปี 2015 เป็นเทรนด์สำหรับผลิตภัณฑ์ความงามที่มีความปลอดภัยต่อผิวมากขึ้น ตัวผลิตภัณฑ์มีความอ่อนโยนต่อผู้บริโภค และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เทรนด์นี้เป็นเทรนด์ที่ไม่เคยดรอปในช่วงการระบาดของ Covid-19 เลย เพราะทุกคนต่างมองหาเครื่องสำอางที่มีความปลอดภัยและอ่อนโยนต่อผิวมาก ๆ นั่นเอง ทำให้ผลิตภัณฑ์คลีนบิวตี้มีความต้องการสูงในช่วงการระบาดที่ผ่านมา โดยเครื่องสำอางที่จะเป็นคลีนบิวตี้ได้นั้นจะต้องไม่มีส่วนผสมของสารต้องห้ามและสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว หรือ non-toxic Ingredients นั่นเอง รวมถึงส่วนผสมที่ใช้ต้องมาจากธรรมชาติเท่านั้น หรือหากมีสารสังเคราะห์ต้องมีการตรวจสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองในผิวและไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของเครื่องสำอางในช่วงนั้นเลย

วอเตอร์เลสเทรนด์ลดการใช้น้ำในเครื่องสำอาง อย่างที่ทราบน้ำเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด และน้ำจืดลดน้อยลงไปมากในแต่ละปี องค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) ได้มีการคาดการณ์และทำการประเมินไว้ว่าในปี 2025 ประชากร 2 ใน 3 บนโลก อาจจะต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ขาดแคลนน้ำ เทรนด์เครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำจึงได้ถือกำเนิดขึ้น เพื่อเป็นการลดการใช้น่ำในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง รวมไปถึงลดการใช้น้ำในขั้นตอนการผลิตด้วย เมื่อขาดน้ำ เครื่องสำอางดูแลผิวที่ปราศจากน้ำจึงมีราคาสูงกว่าเครื่องสำอางทั่วไปในท้องตลาดแต่ก็แลกมาด้วยข้อดีคือ เครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำสำหรับเจือจางจะมีความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ที่สูงกว่า ผลิตภัณฑ์ความงามที่ไร้น้ำส่วนมากที่เห็นได้บ่อย ๆ เลยคือ สบู่ มาส์กผง เซรั่มออยล์ เป็นต้น

ทุกเทรนด์ที่ทีเอ็นพีรวบรวมมาวันนี้บอกเลยว่ารักษ์โลกแบบสุด ๆ สะดวกเข้าเทรนด์ไหนเลือกได้เลยค่ะ รับรองว่าคุณจะได้มีส่วนช่วยในการดูแลโลกนี้แน่นอน มาช่วยกันผลักดันเครื่องสำอางสีเขียวต่อไปในอนาคต เพื่อให้โลกใบนี้อยู่กับเราไปนาน ๆ แฮปปี้เมื่อได้ใช้เครื่องสำอางที่มาจากธรรมชาติอย่างปลอดภัย สนใจสร้างแบรนด์เครื่องสำอางรักษ์โลกให้ทีเอ็นพีเป็นตัวเลือกอันดับแรกของคุณ สร้างแบรนด์ปรึกษาฟรี!

แนะนำผลิตภัณฑ์

สายรักษ์ปะการังต้องทางนี้เลย! ทีเอ็นพีขอแนะนำ 3 ผลิตภัณฑ์ ocean-friendly เป็นมิตรต่อปะการัง ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมในทะเล ทั้งกันแดดแบบจัดเต็ม SPF50+ PA++++ และเป็นมิตรขนาดนี้บอกเลยว่าลงทะเล ดำน้ำดูปะการังได้อย่างสบายใจ