หลังจากเข้าสู่ช่วงหลังของปี 2023 เทรนด์ความสวยความงามได้เกิดขึ้นใหม่มากมายในปีนี้ และเป็นแนวทางให้เกิดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางใหม่ ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ แฮแคร์ รวมไปถึงเมคอัพต่าง ๆ ล้วนเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจจากทั่วทุกมุมโลก และก่อนจะถึงสิ้นปี ทีเอ็นพีจึงคัด 9 เทรนด์ที่ช่วยให้ผิวเปล่งประกาย สุขภาพดี ดูอ่อนเยาว์ มาบอกต่อทุกคนกัน
จาก #NoMakeup ที่มียอดเข้าชม 5.8 พันล้านครั้ง เป็นเทรนด์ที่เผยหน้าสดอย่างมั่นใจ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในผู้บริโภค ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพผิวของตนเอง และตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของเกราะป้องกันผิว บน TikTok แฮชแท็ก #skinbarrier ในปี 2023 มียอดเข้าชมมากถึง 4.9 พันล้านครั้ง ด้วยกระแสสุดร้อนแรงเกินต้านนี้ ทำให้หลาย ๆ แบรนด์ออกผลิตภัณฑ์ดูแลเกราะป้องกันผิวออกมาอย่างต่อเนื่อง
เกราะป้องกันผิว (skin barrier) คือ ชั้นผิว epidermis เป็นชั้นที่อยู่นอกสุด ประกอบด้วยเซลล์ที่ตายแล้วซึ่งจะถูกกำจัดออกโดยกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวให้ชุ่มชื้น และป้องกันการสูญเสียน้ำ รวมทั้งป้องกันการแทรกซึมของสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ด้วยอายุที่มากขึ้น แสงแดด และมลภาวะ เป็นตัวที่ทำให้เกราะป้องกันผิวถูกทำลาย ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ ขาดน้ำ และเกิดริ้วรอย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรักษาผิวของเรา โดยใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมที่สามารถเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวเพื่อรักษาความงามและสุขภาพผิวของเราได้
อีกหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ Skin Microbiome ซึ่งเป็นระบบนิเวศตามธรรมชาติของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่บนผิว และทำงานเพื่อป้องกันเชื้อโรคที่เป็นอันตราย ผิวที่มีไมโครไบโอมไม่สมดุลนำไปสู่การอักเสบ การติดเชื้อ โรคผิวหนัง ค่า pH ถูกรบกวน และอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง ทำให้เสี่ยงต่อโรคต่างๆ
ไมโครไบโอม (microbiome) คือ จุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์ ทั้งบนผิว ในช่องปาก รวมถึงระบบทางเดินอาหาร มีทั้งจุลินทรีย์ตัวที่ดีและตัวที่ก่อโรคได้ ไมโครไบโอมที่ดีทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน และเสริมสร้างให้แก่ร่างกายของเรา ดังนั้นการรักษาสมดุลไมโครไบโอมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสมดุล microbiome ได้ จะต้องเพิ่มจุลินทรีย์ตัวที่ดี พร้อมช่วยลดจุลินทรีย์ตัวที่ก่อโรค แต่ไม่ได้กำจัดทิ้งทั้งหมด
Tips ทำแบรนด์
ผู้บริโภคหลายคนที่มีความกังวลเรื่องผิว และยังไม่เข้าใจในไมโครไบโอม ผู้ประกอบการจึงควรช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจว่า ไมโครไบโอมของผิวที่มีความสมดุล ดีต่อสุขภาพผิวอย่างไร เช่น การฟื้นฟู หรือ ปกป้องไมโครไบโอมตามธรรมชาติของผิว สามารถช่วยต่อสู้กับความกังวลเรื่องผิว เช่น สิว ผิวบอบบาง ผิวแก่ก่อนวัย เป็นต้น ด้วยวิธีนี้ ผู้บริโภคจะเข้าใจถึงประโยชน์ของการมีไมโครไบโอมที่สมดุล และให้ความสำคัญมากขึ้น
ส่วนผสมจากกระบวนการหมักตามธรรมชาติจะมีจุลินทรีย์ เช่น ยีสต์ หรือแบคทีเรีย ทำหน้าที่สลายโมเลกุลขนาดใหญ่ของสารให้เป็นโมเลกุลขนาดเล็ก เพื่อให้ดูดซึมเข้าสู่ผิวได้รวดเร็วและลึก โดยจุลินทรีย์ที่ใช้หมักและเรารู้จักกันดีก็คือ แลคโตบาซิลลัสและยีสต์ ซึ่งช่วยรักษาระดับ pH ของผิวให้สมดุล เสริมเกราะป้องกันผิว ปลอบประโลมผิวระคายเคืองและผิวแห้ง การเติบโตของเทรนด์นี้เริ่มตั้งแต่ปี 2018 จนถึง 2022 มีการเติบโตขึ้นถึง 25% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
Tips ทำแบรนด์
สร้างจุดขายของสินค้าด้วยเทคโนโลยีการหมักขั้นสูง พร้อมผลลัพธ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว
ส่วนผสมจากพืชธรรมชาติเป็นส่วนผสมที่มีองค์ประกอบทางเคมีซับซ้อน สามารถใช้ทั้งหมดของพืช หรือเพียงบางส่วนก็ได้ เช่น ส่วนของราก ใบ ดอก ต้นอ่อน เมล็ด เปลือก เป็นต้น ส่วนผสมจากพืชเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และโปรตีน มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ ต้านการอักเสบ ลดจุดดำที่เกิดจากการสร้างเม็ดสีอย่างผิดปกติ และอื่น ๆ อีกมากมาย แล้วแต่ชนิดของพืชนั้น
ในมุมมองของผู้บริโภคที่ตระหนักได้ถึงความยั่งยืนและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มนี้จะมีความคาดหวังต่อสินค้าที่มาจากธรรมชาติ ต้องมีความสะอาด ปลอดภัย ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย และอีกมุมมองหนึ่งนั้น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติจะมีความอ่อนโยนต่อผิวและรักษ์โลก
Tips ทำแบรนด์
การนำเสนอส่วนผสมจากธรรมชาติให้เน้นไปที่สรรพคุณและเรื่องราว เช่น แหล่งที่มา วิธีการผลิต เป็นต้น เป็นอีกจุดที่สร้างความโปร่งใสให้ผลิตภัณฑ์ได้
อแดปโตเจน (Adaptogens) คือ การปรับและรักษาสมดุลของร่างกายจากความเครียด พืชที่นิยมใช้จะจัดอยู่ในกลุ่มของพืชสมุนไพร สมุนไพรธรรมชาติมีฤทธ์ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด เช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอล นอกจากนั้นยังช่วยขับสารพิษเพื่อลดผลเสียที่เกิดจากความเครียดในร่างกายด้วย ให้ร่างกายต้านทานต่อความเครียดได้ดีขึ้น เสริมสร้างการทำงานของร่างกายและระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย ทำให้ความเครียดของผิวกลับสู่ระดับที่เหมาะสมเร็วขึ้น
สมุนไพรธรรมชาติที่มีชื่อเสียงส่วนมากจะมาจากทางเอเชีย เช่น
เกาหลี - โสมแดง โสมขาว จอรี ชางโพ
ญี่ปุ่น - เห็ดชิตาเกะ ชา เลม่อนบาล์ม เสจ แมลโล ไทม์
จีน - เห็ดหลินจือ เห็ดหูหนูขาว บัวหิมะ โกจิเบอร์รี พริกหม่าล่า
ไทย - ฟ้าทะลายโจร ใบบัวบก ขมิ้น ชะเอมเทศ หญ้ารีแพร์
ปัญหาผิวไม่ว่าจะเป็น สิว ผิวแห้ง จุดด่างดำ ริ้วรอย หรือผิวอักเสบ ล้วนส่งผลต่อความมั่นใจและทัศนคติของตนเอง ดังนั้น การดูแลผิวเป็นประจำให้ประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพกายและจิต ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีคุณภาพช่วยเพิ่มความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองและกระตุ้นอารมณ์พึงพอใจขึ้นมา สิ่งสำคัญคือต้องเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสูตรอ่อนโยน ส่วนผสมปลอดภัย ช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมชาติ ทำให้ผิวรู้สึกสดชื่น เรียบเนียน และมีสุขภาพดี ให้คุณสามารถกลับมารู้สึกกล้าหาญและมั่นใจอีกครั้ง!
Tips ทำแบรนด์
เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์สื่อถึงการดูแลสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม (well-being) และสามารถประยุกต์ใช้กับเครื่องมือเสริมความงามได้ เช่น กัวซา
Skin minimalism เป็นเทรนด์ที่เริ่มขึ้นในปี 2017 เกี่ยวกับการปรับขั้นตอนการดูแลผิวให้ง่ายขึ้น และการคิดสูตรสกินแคร์ที่ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี เปล่งประกาย โดยมีส่วนผสมที่จำเป็นเท่านั้น ในช่วงที่เกิดโรคระบาด ผู้บริโภคส่วนใหญ่อยู่บ้านและแต่งหน้าน้อยลง โดยให้ความสำคัญกับการดูแลผิวในชีวิตประจำวันเป็นหลัก หลังการแพร่ระบาด ผู้บริโภคหันมาสนใจการดูแลผิวที่เรียบง่าย เนื่องจากเทรนด์นี้ถูกมองว่าเป็นแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน ลงทุนในเฉพาะสิ่งที่ผิวต้องการเท่านั้น
Tips ทำแบรนด์
ด้วยส่วนผสมที่ใช้ได้อย่างจำกัด แนะนำให้ใช้ส่วนผสมที่มีสรรพคุณหลากหลาย เพื่อจัดการปัญหาผิวหลายประการ เช่น niacinamide ที่เป็นมัลติฟังก์ชัน ให้ทั้งความชุ่มชื้น ผิวกระจ่างใส และลดเลือนริ้วรอย
กระแสเครื่องสำอางทุกยุคทุกสมัยมักมีส่วนผสมที่มาจากสาหร่าย ซึ่งไม่เคยหายไปจากกระแส ไม่ว่าจะเป็นสาหร่ายน้ำจืด สาหร่ายทะเล สาหร่ายขนาดเล็ก (micro algae) เช่น สาหร่ายทะเลสีแดง มีสารต้านอนุมูลอิสระและเปปไทด์ ช่วยในการต่อต้านความแก่ สาหร่ายเคลป์ เป็นสาหร่ายขนาดใหญ่พบได้ในทะเลน้ำลึกเท่านั้น ซึ่งเป็นพื้นที่ใต้ท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมาย รวมทั้งยังเป็นเขตที่จัดได้ว่าบริสุทธิ์ปราศจากสารพิษที่จะมาเจือปนจากพื้นดินอีกด้วย ในสารสกัดจากสาหร่ายเคลป์เป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุ ได้แก่ วิตามินเค กรดโฟลิก ไอโอดีน รวมทั้งโอเมก้า 3 นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและช่วยขจัดสารพิษในร่างกาย
Skintellectuals คือ บุคคลผู้มีความรู้ความเข้าใจในความต้องการของผิวตัวเอง รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่หยิบจับมาใช้ ซึ่งผู้ใช้มีความรู้ในเรื่องของส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ หรือถึงขั้นเจาะลึกไปจนถึงหน้าที่และกลไกการออกฤทธิ์ของสาร ว่าสารตัวไหนให้ประสิทธิผลกับผิวอย่างไร และผลลัพธ์จากการใช้จริงเหมือนกับที่อ้างอิงหรือไม่ ทำให้ผู้บริโภคมีความเข้าใจในความต้องการของตัวเองและสินค้าที่ตัวเองใช้มากขึ้น
คำว่า skintellectuals มีที่มาจากคำว่า skin + intellectual นั่นเอง ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ต่าง ๆ รวมไปถึงรีวิวจากผู้ใช้จริงบนอินเตอร์เนต หรือผู้เชี่ยวชาญได้อย่างง่ายดายแล้ว ทำให้มีการเจาะลึกในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ซึ่งทางผู้ประกอบการเองก็ต้องให้ความรู้ในสินค้าแก่ผู้บริโภคมากขึ้นด้วยเช่นกัน จากพฤติกรรมการเพิ่มพูนความรู้ของผู้บริโภค ส่งผลให้ในอนาคตข้างหน้าจะมีผู้บริโภคแบบ skintellectuals เพิ่มมากขึ้น และส่งผลไปจนถึงผู้ประกอบการให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
Tips ทำแบรนด์
ใช้ประโยชน์จากส่วนผสมที่ผู้บริโภคคุ้นเคยดีอยู่แล้ว จะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น เช่น niacinamide 10%, hyaluronic acid 2%, salicylic acid 2% เป็นต้น สารเหล่านี้แค่เห็นชื่อก็นึกถึงสรรพคุณได้ทันที และความเข้มข้นของส่วนผสมก็มีความสำคัญเช่นกัน อย่างที่บอกไปข้างต้น ผู้ประกอบการต้องให้ความโปร่งใสเกี่ยวกับสินค้า ผู้บริโภคจึงจะรู้สึกได้ถึงความจริงใจและเกิดความไว้วางใจในตัวสินค้าขึ้นมา ยิ่งมีข้อมูลที่สนับสนุนคำกล่าวอ้างในสินค้าก็ยิ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของสินค้าได้เช่นกัน เช่น dermatologically tested, hypoallergenic tested, สัญลักษณ์ออแกนิค เป็นต้น
จาก 9 เทรนด์ ที่TNPนำมาอัพเดตให้ทุกคนได้ทราบ มีทั้งเทรนด์เกิดใหม่อย่างพืชอแดปโตเจน หรือเทรนด์ที่ยังคงได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบันอย่างสกินนิมอลลิซึ่ม หรือการดูแลเกราะป้องกันผิวและไมโครไบโอม จากแนวโน้วของเทรนด์จุดร่วมที่สังเกตได้ก็คือ ความยั่งยืน ซึ่งจุดนี้ ช่วยให้แบรนด์มีความรักษ์โลก ใส่ใจธรรมชาติ และตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคเองก็มีความรู้ในเรื่องเครื่องสำอางมากขึ้น ทั้งแบรนด์และผู้บริโภคเองจึงสามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างยั่งยืน