6 นวัตกรรมนำส่งสารสำคัญช่วยเพิ่มจุดขายในสกินแคร์ (Active Delivery Systems)
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะแบรนด์สกินแคร์ไหนๆ ก็ล้วนหาจุดขายที่แตกต่างจากที่อื่นๆ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ TNP ขอแนะนำนวัตกรรมนำส่งสารสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสกินแคร์และยังสร้างจุดขายที่น่าสนใจได้อีกด้วย
ระบบนำส่ง (Delivery System) คือนวัตกรรมที่ช่วยให้การนำสารสำคัญตรงเข้าสู่ผิวได้อย่างแม่นยำ พร้อมค่อยๆ ปลดปล่อยสารสำคัญที่ถูกห้อหุ้มออกมาจึงไม่เกิดการระคายเคืองผิวหรือเกิดน้อยมาก และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสารสำคัญได้อีกด้วย สารสำคัญตัวอย่างเช่น สารสกัดจากธรรมชาติ สารที่ซึมเข้าสู่ผิวได้ยาก สารที่เสื่อมสลายได้ง่ายเมื่อเจอแสง และสารกันแดด เป็นต้น ระบบนำส่งสาร ได้แก่
- ลิโปโซม(Liposomes)
- นีโอโซม (Niosomes)
- ไฟโตโซม (Phytosomes)
- ทรานสเฟอโซม (Transfersomes)
- เอทโทโซม (Ethosomes)
- เดนไดรเมอร์ (Dendrimers)
ข้อดีของระบบนำส่ง
- มีความปลอดภัยสูงและมีผลข้างเคียงต่ำ
- เสริมประสิทธิภาพสารสำคัญ
- เพิ่มความสามารถในการซึมเข้าสู่ผิวได้มากขึ้น
- เพิ่มความคงตัวให้แก่สารที่ถูกกักเก็บในระบบ
- สามารถควบคุมการปลดปล่อยสารสำคัญได้
- สามารถปกป้องสารสำคัญจากการสลายตัวด้วยกระบวนการทางกายภาพและเคมี
คือ อนุภาคขนาดเล็กของสารไขมันที่เรียงซ้อนกันสองชั้นสลับกับชั้นของน้ำ มีลักษณะเป็นถุงกลมๆ เนื่องจาก ลิโปโซมมีส่วนประกอบและคุณสมบัติคล้ายคลึงกับเยื่อหุ้มเซลล์ของสิ่งมีชีวิต จึงถูกพัฒนามาใช้ในการนำพาสารต่างๆ เช่น ยา เครื่องสำอางเพื่อเข้าสู่ร่างกาย
- ในภาษากรีก Lipo หมายถึง Fat และ Somes หมายถึง Body
- ลิโปโซมถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในอังกฤษ ปี 1961 โดย Alec D. Bangham
- อนุภาคประกอบด้วย ฟอสโฟลิปิด (Phospholipids) และคลอเรสเตอรอล (Cholesterol)
- ขนาดของลิโปโซมมีตั้งแต่ 20 นาโนเมตรไปจนถึงหลายไมโครเมตร
ขนาดของลิโปโซม
- Multi Lamellar Vesicles (MLV) มีขนาดมากกว่า 0.5 ไมโครเมตร
- Oligo Lamellar Vesicles (OLV) มีขนาด 0.1 - 1 ไมโครเมตร
- Multivesicular Vesicles (MV) มีขนาดมากกว่า 1 ไมโครเมตร
- Unilamellar Vesicles (UV) แบ่งออกเป็น
- Medium Unilamellar Vesicles (MUV)
- Small Unilamellar Vesicles (SUV) มีขนาด 20 - 100 นาโนเมตร
- Giant Unilamellar Vesicles (GUV) มีขนาดมากกว่า 1 ไมโครเมตร
- Large Unilamellar Vesicles (LUV) มีขนาดมากกว่า 100 นาโนเมตร
ข้อดีของลิโปโซม
- นำส่งสารสำคัญสู่เป้าหมายได้ดี
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- เพิ่มความคงตัว
- ลดความเป็นพิษจากการสัมผัสสารสำคัญโดยตรง
- ลดผลข้างเคียง
- ระบบสามารถกักเก็บสารได้ทั้งโมเลกุลเล็กและใหญ่
- ระบบสามารถกักเก็บสารสำคัญที่มีคุณสมบัติทั้งละลายในน้ำได้ดีและละลายในไขมันได้ดี
มีลักษณะเป็นถุงทรงกลมขนาดเล็ก คล้ายกระเปาะที่เก็บกักสารต่างๆ ไว้ภายในอนุภาคเหล่านี้ มีลักษณะโครงสร้างของผนังเซลล์เป็นผนังสองชั้น ซึ่งเกิดจากการจัดเรียงตัวเองของโมเลกุลสารลดแรงตึงผิวที่มีคุณสมบัติมีขั้วและไม่มีขั้วอยู่ในโมเลกุลเดียวกัน ทำให้เกิดการจัดเรียงตัวโดยนำส่วนที่มีคุณสมบัติเหมือนกันเข้าหากันและมีการซ้อนกันเป็นผนังอาจเรียงตัวเป็นชั้นเดียวหรืออาจเกิดได้มากกว่าหนึ่งชั้น
- นีโอโซมถูกคิดขึ้นเป็นครั้งแรกโดย L'Oreal สำหรับการใช้งานด้านเครื่องสำอาง เปิดตัวสู่ตลาดเมื่อปี 1987
- นีโอโซมมีความสามารถในการซึมผ่านได้ลึกกว่าและมีความเสถียรมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับลิโปโซม
- นีโอโซมที่ไม่มีประจุทำให้เกิดการระคายเคืองได้น้อย
ขนาดของนีโอโซม
- Multi Lamellar Vesicles (MLV) มีขนาด 100 - 1000 นาโนเมตร
- Small Unilamellar Vesicles (SUV) มีขนาด 10 - 100 นาโนเมตร
- Large Unilamellar Vesicles (LUV) มีขนาด 100 - 250 นาโนเมตร
ข้อดีของนีโอโซม
- สามารถกักเก็บสารปริมาณมากๆ ได้ในปริมาตรน้อย
- ระบบสามารถกักเก็บสารสำคัญที่มีคุณสมบัติทั้งละลายในน้ำได้ดี ละลายในไขมันได้ดี และสารที่เป็นกึ่งกลาง
- มีความคงตัวและเก็บง่าย
- ปรับปรุงการซึมผ่านผิวหนังของสารออกฤทธิ์
- เพิ่มความเสถียรของสารออกฤทธิ์
- ไม่ระคายเคือง
- เป็นที่ยอมรับของตลาดเครื่องสำอาง
Phytosomes เรียกอีกอย่างว่า Herbosomes คำว่า "Phyto" หมายถึง พืช ดังนั้นไฟโตโซมจึงหมายถึง ถุงหุ้มสารสำคัญจากพืช โดยสารสำคัญจะถูกล้อมรอบด้วยลิปิด ซึ่งสร้างพันธะไฮโดรเจนกับฟอสฟาทิดิลโคลีน สามารถถูกกักเก็บได้ในส่วนแกนกลางและส่วนที่เชื่อมต่อกับส่วนของฟอสเฟต
- ไฟโตโซมชนิดแรกได้รับการพัฒนาโดยบริษัท Indena ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มการดูดซึมของยา
- ห้อหุ้มสารสำคัญที่ได้จากสมุนไพรโดยใช้นาโนเทคโนโลยีในการช่วย เนื่องจากร่างกายดูดซึมโดยตรงได้ยาก
- ขนาดของไฟโตโซมประมาณ 200 - 250 นาโนเมตร
ข้อดีของไฟโตโซม
- ใช้สารสำคัญในปริมาณน้อยลงเนื่องจากเพิ่มการนำส่งได้มากขึ้นมีความคงตัวสูง
เพิ่มการซึมผ่านผิวหนังได้ดีเมื่อใช้ในทางเครื่องสำอาง - ปลดปล่อยสารสำคัญในปริมาณที่เหมาะสมไปยังเซลล์เป้าหมาย
- ไฟโตโซมยังเหนือกว่าไลโปโซมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอีกด้วย
เป็นระบบนำส่งชนิดที่นิยมใช้กับการนำส่งสารสำคัญแบบเฉพาะที่ เช่น บริเวณผิวหนัง เนื่องจาก มีความสามารถในการบีบตัวผ่านเข้าสู่ผิวหนังได้เป็นอย่างดี สามารถใช้ได้กับสารทั้งโมเลกุลใหญ่และเล็ก โดยความสามารถเหล่านี้มาจากองค์ประกอบของทรานสเฟอร์โซม ที่ประกอบด้วยฟอสโฟลิปิดและสารลดแรงตึงผิวแบบสายเดี่ยวในสัดส่วนที่เหมาะสม ทำให้ระบบนำส่งชนิดนี้มีความสามารถในการยืดหยุ่น เปลี่ยนแปลงรูปร่างได้
- ทรานสเฟอร์โซมถูกนำมาใช้ในช่วงต้นปี 1990
- ทรานสเฟอร์โซมประกอบด้วยคุณสมบัติที่ชอบน้ำและไม่ชอบน้ำ
- มีประสิทธิภาพการซึมผ่านสูงกว่าลิโปโซม
- ซึมผ่านรูขุมขนที่มีขนาดเล็กกว่าได้ด้วยการบิดตัวเปลี่ยนรูปร่างเข้าไป ซึ่งทำให้การซึมผ่านของผิวหนังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- ไม่เสถียรทางเคมีเนื่องจากมีแนวโน้มที่จะถูกสลายจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน
ข้อดีของทรานสเฟอร์โซม
- สามารถกักเก็บสารสำคัญที่ละลายในไขมันได้ดีสูงถึง 90%
- เพิ่มการดูดซึมและซึมผ่านได้ดีกว่าระบบนำส่งอื่น
- สามารถใช้ได้กับสารสำคัญที่มีมวลโมเลกุลสูง
- ระบบมีอัตราการปลดปล่อยสารสำคัญช้า
- สามารถป้องกันการสลายตัวของสารสำคัญในระบบเมแทบอลิซึมได้
- ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
- ลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ของสารออกฤทธิ์ให้น้อยที่สุด
คือ ระบบนำส่งสารเข้าสู่ผิวหนังแบบอนุภาคหรือถุงทรงกลมที่มีความอ่อนตัว ยืดหยุ่น สามารถเปลี่ยนแปลงรูปทรงไปตามเส้นทางที่เคลื่อนที่ผ่าน ประกอบขึ้นจากสารไขมัน ประเภทฟอสโฟไลปิด เอธานอลที่มีความเข้มข้นสูง และน้ำ เอทโทโชมเป็นไลโปโซมที่มีส่วนประกอบของเอธานอลในปริมาณสูง (20-45% โดยน้ำหนัก) เป็นอนุภาคที่มีลักษณะอ่อนและยืดหยุ่น เป็นระบบนำส่งสารหรือยาผ่านผิวหนังที่สามารถแทรกผ่านผิวหนังลงไปในชั้นที่ลึกได้ และอาจนำส่งถึงระบบไหลเวียนโลหิตเพื่อให้ฤทธิ์ทั่วร่างกาย
- สารสำคัญที่ควรใช้ระบบการนำส่งเอทโทโซม เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านริ้วรอย สารต้านเซลลูไลท์ กรดซาลิไซลิก และเรตินอยด์ เพื่อปรับเพิ่มประสิทธิภาพและนำส่งได้ถึงผิวชั้นลึก
- สามารถเปลี่ยนแปลงรูปทรงไปตามเส้นทางที่เคลื่อนที่ผ่านได้และสามารถปรับขนาดได้ตั้งแต่ 10 นาโนเมตรถึง 1 ไมโครเมตร
- เสถียรกว่าไลโปโซมมากเนื่องจากมีเอทานอลอยู่
- มีองค์ประกอบทั้งส่วนที่เป็น Lipophilic และ Hydrophilic ทำให้สามารถนำส่งสารที่มีความชอบน้ำและสารที่มีความชอบไขมันได้ดี
- เอทโทโซม นี้แบ่งได้เป็น Classical Ethosomes,Binary Ethosomes และ Transethosomes
ข้อดีของเอทโทโซม
- เพิ่มการนำส่งสารออกฤทธิ์ผ่านผิวหนัง
- สามารถนำส่งสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ได้ เช่น peptides และ protein
- มีความปลอดภัยในการนำมาใช้ในทางยาและเครื่องสำอาง ลดการใช้สารลดแรงตึงผิวที่เป็นอันตราย
- ไม่สร้างความเจ็บปวดหรือบาดเจ็บต่อร่างกาย และลดความเป็นพิษที่เกิดจากการสัมผัสสารโดยตรง
เป็นโมเลกุลขนาดใหญ่ที่มีลักษณะโครงสร้างพอลิเมอร์ที่เหมือน ต้นไม้โดยพันธะที่มีทั้งหมดจะต่อกิ่งก้านสาขาของโมเลกุลเป็นรัศมีออกจากจุดหรือแกน ที่เป็นศูนย์กลางในลักษณะโครงสร้างที่ซ้ำกัน และมีขนาดเดียวกัน เดนไดรเมอร์มีลักษณะทรงกรมสามมิติ ซึ่งมีความเสถียรสูง
ลักษณะโครงสร้างของเดนไดรเมอร์ประกอบด้วย 3 ส่วน
1.แกนกลาง
2. ชั้นใน ซึ่งมีลักษณะของโครงสร้างที่มีกิ่งก้านแผ่เป็นรัศมีโดยติดกับแกนกลาง
3. ชั้นนอก ซึ่งมีลักษณะของโครงสร้างกิ่งก้านที่แผ่ออกไปจากชั้นด้านใน ขนาด รูปร่าง และความไวในการทำปฏิกิริยาจะขึ้นอยู่กับจำนวนชั้นและส่วนประกอบทางเคมีของแกนกลาง กิ่งก้านโมเลกุลชั้นใน และกลุ่มโมเลกุลพื้นผิว เดนไดรเมอร์ประกอบด้วยโครงสร้างเคมีที่ซ้ำกัน ซึ่งสามารถสังเคราะห์ได้หลายขนาดในระดับโมกุลไปจนถึงระดับนาโน
ข้อดีของเดนไดรเมอร์
- สามารถควบคุมการปลดปล่อยสารสำคัญได้ดี
- ใช้ได้ดีกับการนำส่งสารสำคัญเข้าผิวหนังแต่ไม่เข้าสู่ระบบเลือด
- ระบบสามารถกักเก็บสารสำคัญได้มาก
- ระบบสามารถปกป้องสารสำคัญจากการสลายตัวด้วยกระบวนการทางเคมีได้ดี
6 นวัตกรรมที่มีจุดเด่นจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณดูน่าสนใจและทันสมัย ที่ TNP ยังมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีอีกหลายอย่างที่จะช่วยให้คุณทำการตลาดได้อย่างงาย สนใจสร้างแบรนด์ติดต่อเราสิคะ ปรึกษาฟรีค่ะ